ประโยชน์ของอาหาร - ความหมายของอาหาร
ความหมายของอาหาร คือ สิ่ง วัตถุทุกชนิด ที่คนเราสามารถ กิน ดื่ม ดม หรือการนำเข้าสู่ระบบร่างกาย ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ หรือรูปลักษณะใดๆ แต่ไม่ใช่ยา วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท หรือสิ่งเสพติดให้โทษตามกฎหมาย แต่ในส่วนของอาหารนั้น จะมีความหมายรวมถึง วัตถุประสงค์ที่มุ่งหมาย สำหรับการใช้ หรือเป็นส่วนผสมในการผลิตอาหาร หรืออาหารจะรวมถึง วัตถุที่ใช้เจือปนอาหาร ตลอดจน สี กลิ่น และเครื่องปรุงแต่งรสด้วย

ประโยชน์ของอาหาร
- ให้พลังงานและความร้อน
- ช่วยให้ร่างกายมีความเจริญเติบ และซ่อมแซมร่างกายในส่วนที่สึกหรอ
- ช่วยควบคุมให้ทุกส่วนของร่างกาย ทำงานไปอย่างปรกติ
- ช่วยให้ร่างกายมีความแข็งแรง และต้านทานโรคต่างๆ
อาหารไทยแบ่งออกเป็น 2 ชนิดได้แก่ อาหารคาว และอาหารหวาน และนอกจากอาหารคาว อาหารหวานแล้ว ยังมีอาหารว่าง ซึ่งอาหารว่าง อาจจะเป็นอาหารคาว หรืออาหารหวานก็ได้ โดยอาหารว่างจะไว้รับประทาน ระหว่างแต่ละมื้อ
- อาหารคาว คืออาหาร ที่ประกอบด้วยรสทั้งหลาย ไม่ว่าจะป็น รสเปรี้ยว รสหวาน รสมัน รสเค็ม รสเผ็ด โดยทั่วไปที่พบเห็นได้ อาหารคาว จะแบ่งตามลักษณะและวิธีการปรุง ได้แก่ ต้ม ผัด แกง ยำ ทอด เผา ย่าง เครื่องจิ้ม เครื่องเคียง เป็นต้น
- อาหารหวาน โดยอาหารหวาน ของไทยนั้น มีทั้งแบบชนิดน้ำและแบบชนิดแห้ง ส่วนมากมักจะปรุงด้วย กะทิ น้ำตาล และแป้งเป็นหลัก เช่น ขนมเปียกปูน กล้วยบวชชี ทองหยิบ ทองหยอด ขนมหม้อแกง เป็นต้น
จะเห็นได้ว่าอาหารนั้นมีประโยชน์ต่อชีวิต เป็นอย่างมาก ดังนั้น ใน 1 วันเราควรจะได้รับ สารอาหารให้ครบถ้วน ทั้ง 5 หมู่ ซึ่งได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน เกลือแร่ และวิตามิน นอกจากการได้รับ สารอาหาร ครบทังห้าหมู่แล้ว ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว สำหรับการดื่มน้ำนั้น เพื่อสุขภาพของตัวท่านเอง ก็ไม่ควรมองข้าม
เครื่องดื่มสมุนไพร
เครื่องดื่มสมุนไพร หมายถึง เครื่องดื่ม ที่ได้มาจาก การนำเอาส่วนต่างๆ ของพืช ไม่ว่าจะเป็น ผลไม้สด เหง้า ดอก ใบ เมล็ดของพืช นำมาคั้นหรือนำมาปั่น เพื่อให้ได้เป็นน้ำสำหรับดื่ม ซึ่ง เครื่องดื่มสมุนไพร ให้ประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม
- ประโยชน์ทางตรง ช่วยทำให้สดชื่น อร่อย ช่วยแก้อาการดับกระหาย คลายร้อนได้
- ประโยชน์ทางอ้อม เป็นยาบำรุงร่างกาย รักษาโรค เป็นยาระบาย แก้ท้องเสีย ช่วยขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ ได้
เครื่องดื่มสมุนไพร มีหลายชนิด ได้แก่ น้ำขิง น้ำมะพร้าวอ่อน น้ำมะนาว น้ำนมถั่วเหลือง น้ำมะเขือเทศ น้ำมะตูม น้ำกระเจี๊ยบ น้ำใบบัวบก เป็นต้น
สมุนไพร หมายความว่า สิ่งที่มีความเป็นยาอยู่ในตัว ทั้งใน พืช สัตว์ และแร่ธาตุต่างๆ โดยไม่ต้องนำไป ผสมรวมกับ สิ่งปรุงแต่งอื่น แต่อย่างใด สมุนไพรที่ได้จากพืช อาจจะเป็นส่วนของต้น ราก ดอก ใบ เหง้า เปลือก ผล แก่น เป็นต้น สมุนไพรที่ได้จากสัตว์ อาจจะเป็น หนัง กระดูก เขา ดี เป็นต้น และสมุนไพรที่ได้จากแร่ธาตุ เช่น เกลือ น้ำปูนใส เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า สมุนไพร จะมีความเป็นยาอยู่ในตัว ดังนั้นเมื่อนำสมุนไพร มาแปรสภาพให้เป็น เครื่องดื่มสมุนไพร ก็จะทำให้ร่างกายได้ประโยชน์ เพราะนอกจะเป็น การดื่มน้ำสมุนไพร เพื่อเป็นการดับกระหายแล้ว การดื่มน้ำสมุนไพร ก็จะทำให้ผู้ดื่มได้ประโยชน์ จากการดื่มน้ำสมุนไพร โดยประโยชน์ของน้ำสมุนไพร นั้นมีสรรพคุณในการรักษาโรค ต่างๆ นอกจากนี้ยังทำให้ ร่างกายมีสุขภาพ ที่สมบูรณ์แข็งแรง เมื่อมีสุขภาพร่างกายที่ สมบูรณ์แข็งแรง ก็ส่งผลให้ ชีวิตมีความสุข ดังคำกล่าวที่ว่า “การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ”
ร่างกายของคนเรามีความต้องการน้ำ อย่างน้อยไม่ต่ำกว่าวันละ 8 แก้ว การดื่มเครื่องดื่ม จำพวกน้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง นั้นนอกจากจะมีราคาแพงแล้ว ยังมีคุณค่าน้อยกว่า เครื่องดื่มสมุนไพร ที่เราสามารถหาดื่มได้เอง ดังนั้น เพื่อประโยชน์ แก่ตัวท่านเอง ลองหันมาดื่มน้ำ สมุนไพรเพื่อสุขภาพ กันดีกว่า จะได้มีชีวิตที่ยืนยาว โดยเครื่องดื่มสมุนไพร นั้นมีมากมายหลายอย่าง ที่เราสามารถ ทำดื่มได้เอง
น้ำผักผลไม้ฉบับฟิวส์ชั่น
- คลีน อีเนอร์ยี
- ดีท็อกซ์ ดริงค์
- โมเดล ไดเอท
- บิวตี้ ออน ไอซ์
- อาย บริงค์
- บานาน่า สมูธตี้
- ไลค์ อะ ดรัก
- ซิลกี้ แฮร์ ดริงค์
เป็นที่ทราบกันดีว่า ผัก นั้นอุดมไปด้วย แร่ธาตุ วิตามิน กากใยอาหาร ผักยังช่วยเสริมสร้าง ตลอดจนช่วย ควบคุมการทำงาน และมีส่วนช่วย ในการควบคุม การไหลเวียนของ ของเหลวในร่างกาย อีกด้วย แต่ท่านทราบ หรือไม่ว่า ผักบางชนิดนั้น ไม่ควรจะรับประทานดิบ เพราะเสี่ยง อันตราย ทำให้ตายผ่อนส่งได้ มีผัก 5 ชนิด ที่ไม่ควรกินดิบ
ผัก 5 ชนิด ที่ไม่ควรกินดิบ
เป็นที่ทราบกันดีว่า ผัก นั้นอุดมไปด้วย แร่ธาตุ วิตามิน กากใยอาหาร ผักยังช่วยเสริมสร้าง ตลอดจนช่วย ควบคุมการทำงาน และมีส่วนช่วย ในการควบคุม การไหลเวียนของ ของเหลวในร่างกาย อีกด้วย แต่ท่านทราบ หรือไม่ว่า ผักบางชนิดนั้น ไม่ควรจะรับประทานดิบ เพราะเสี่ยง อันตราย ทำให้ตายผ่อนส่งได้
ผัก 5 ชนิด ที่ไม่ควรกินดิบ มีดังต่อไปนี้
- กะหล่ำปลี ไม่ควรรับประทานดิบ เนื่องจาก ในกะหล่ำปลี จะมีสารพิษที่ทางการแพทย์เรียกว่า กอยโตรเจน (Goibrogen) สารตัวนี้จะต่อต้านไม่ให้ต่อมไทรอยด์จับสารไอโดดีน สร้าง ฮอร์โมนไทร็อกซิน (Thyroscine) ซี่งจะส่งผลเสียต่อร่างกายของเรา กล่าวคือ จะทำให้เกิดเป็นโรคหอยพอก และหากเราต้มกะหล่ำปลี ก่อนที่จะรับประทาน สารพิษเหล่านี้จะถูกความร้อนทำลายไป ดังนั้นควรรับประทานกะหล่ำปลีสุกนะครับ
- ถั่วฝักยาว เนื่องจากถั่วฝักยาว จะมีแก๊สคาร์บอนได้ออกไซด์ ค่อนข้างสูงมากๆ ซึ่งจะส่งผลทำให้ท้องอืด โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาการย่อยและผู้สูงอายุ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทาน ถั่วฝักยาวดิบ ควรจะนำไปต้มให้สุกก่อนรับประทาน
- ถั่วงอก เนื่องจากพืชตระกูลถั่ว ไม่ว่าจะเป็นถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วลิสง หรืองา จะมีสารไฟเตต สูง ดังนั้นการรับประทาน ถั่วงอกดิบๆ สารไฟเตต จะเขาสู่ร่างกายเรา และสารไฟเตต จะไปจับแร่ธาตุบางชนิด ทำให้ร่างกายไม่สามาระดูดซึมแร่ธาตุเหล่านั้นเข้าสู่ร่างกาย ส่งผลให้เกิดเป็น โรคขาดแร่ธาตุ โดยหากเราต้มให้สุกก่อนรับประทาน สารไฟเตตจะสลายไป หรือความร้อนจะช่วยทำให้ปริมาณสารไฟเตต ลดน้อยลงนั่นเอง
- ผักโขม เนื่องจากในผักโขม จะมีกรด ที่ทางการแพทย์เรียกว่า กรดออกเซลิค แอซิด อยู่ค่อนข้างสูง ซึ่งกรดตัวนี้จะต่อต้านขัดขวางการดูดซึมของธาตุเหล็ก ทำให้ร่างกายเราไม่สามารถดูดซึมธาตุเหล็กเข้าสู่ร่างกายได้นั่นเอง ดังนั้นก่อนรับประทานผักโขมจึงควรจะทำให้สุกก่อน
- หน่อไม้ เนื่องจากหน่อไม้ดิบ มีสารที่เปลี่ยนเป็นไซยาไนด์ ที่เป็นพิษ ดังนั้นควรจะต้มหน่อไม้ในน้ำเดือดนานกว่า 10 นาที่จึงจะสามารถทำลายสารดังกล่าวได้
กะหล่ำปลีปริมาณต่อ 100 กรัม
- ให้พลังงานแคลอรี(kcal) 24 กิโลแคลลอรี
- ไขมันทั้งหมด 0.1 กรัม
- โซเดียม ปริมาณ 18 มิลลิกรัม
- โพแทสเซียม ปริมาณ 170 มิลลิกรัม
- คาร์โบไฮเดรต ปริมาณ 6 กรัม
- เส้นใยอาหาร ปริมาณ 2.5 กรัม
- น้ำตาล ปริมาณ 3.2 กรัม
- โปรตีน ปริมาณ 1.3 กรัม